ประเภทรถลิฟต์กระเช้า และข้อควรระวังในการใช้งาน

รถลิฟต์กระเช้าในคลังสินค้า
รถลิฟต์กระเช้าในคลังสินค้า

งานยกของหนัก หรือทำงานบนที่สูง เป็นงานที่เสี่ยงต่ออันตราย หลายครั้งที่ผู้ปฏิบัติงานเกิดอุบัติเหตุจากการยกของผิดวิธี หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไม่ปลอดภัย ดังนั้น เทคโนโลยียกตัวจึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในเครื่องจักรที่ได้รับความนิยมคือ “รถลิฟต์กระเช้า” เทคโนโลยียกตัวที่ปลอดภัยและสะดวก ส่วนจะมีกี่ประเภท มีการใช้งานและข้อควรระวังอย่างไร ตามมาดูได้ในบทความนี้

รถลิฟต์กระเช้า (รถกระเช้าไฟฟ้า)

รถลิฟต์กระเช้า (Warehouse Pickers) คือ เครื่องจักรที่ใช้สำหรับการยกคนขึ้นทำงานบนที่สูงด้วยความปลอดภัย คล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว ประกอบด้วยกระเช้าสำหรับบรรทุกคนหรือสิ่งของ ยกขึ้นลงด้วยระบบไฮดรอลิกหรือระบบไฟฟ้า ทำให้การย้ายจุดทำงานจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเป็นไปอย่างง่ายดาย

ข้อดีของการใช้รถลิฟต์กระเช้า

  • เพิ่มความปลอดภัย : ลดความเสี่ยงการตกจากที่สูง ซึ่งเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บภายในสถานที่ทำงาน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาปีนนั่งร้าน หรือใช้บันได
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย : ช่วยลดจำนวนแรงงานที่ต้องใช้ในการทำงาน
  • เพิ่มความคล่องตัว : สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดทำงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

การใช้งานรถลิฟต์กระเช้า

รถลิฟต์กระเช้าสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น

  • งานก่อสร้าง : งานยกคนและวัสดุก่อสร้าง
  • งานติดตั้งบนที่สูง : ทำป้าย งานไฟฟ้า งานทาสี
  • งานซ่อมบำรุง : ซ่อมสายไฟ สายโทรศัพท์ ซ่อมหลังคา
  • งานภายนอกอาคาร : ทำความสะอาดตึก/อาคาร
  • งานสาธารณะ : ซ่อมสัญญาณไฟจราจร ติดตั้งเครื่องหมายจราจร 

ประเภทของรถลิฟต์กระเช้า

ประเภทของรถลิฟต์กระเช้ามีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน จึงควรเลือกประเภทของรถให้เหมาะสมกับงาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถแบ่งตามประเภทโครงสร้างได้ 3 รูปแบบ ดังนี้

1. รถลิฟต์กระเช้าแบบบูม (Boom Lift)

เครื่องจักรที่มีลิฟต์กระเช้าขนาดเล็ก กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถยืดหดได้หลายทิศทาง เหมาะสำหรับการทำงานในพื้นที่จำกัดที่มีสิ่งกีดขวาง ซึ่งนั่งร้านแบบทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับและควบคุมได้เองโดยตรงผ่านแผงควบคุมวงจร

2. รถลิฟต์กระเช้าแบบเลื่อนขึ้นแนวตั้ง (Aerial Work Platform)

เครื่องจักรที่มีลิฟต์กระเช้าแบบเสาขึ้นตรง ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก ลิฟต์โดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถเข้าและออกได้สะดวก มีอุปกรณ์เสริม สามารถเลื่อนถาดรองพื้นกระเช้าออกไปเพื่อยื่นไปทำงานด้านหน้าหรือใช้ในพื้นที่ต่างระดับได้ เหมาะสำหรับการทำงานบนที่สูงที่ต้องการความคล่องตัวในการขึ้นลง

3. รถลิฟต์กระเช้าแบบขาสไลด์ (Scissor Lift)

เครื่องจักรที่มีลิฟต์กระเช้าแบบขากรรไกร ดีไซน์พิเศษสามารถยืดขยายได้ในแนวตัว X ช่วยเสริมความแข็งแรง และรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น สามารถควบคุมให้ปรับระดับความสูงได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับงานที่ต้องการยกของในพื้นที่จำกัด เช่น งานก่อสร้างทั่วไป งานติดตั้ง งานซ่อมบำรุง งานทำความสะอาด

รถลิฟต์กระเช้า

ข้อควรระวังในการใช้งานรถลิฟต์กระเช้า

รถลิฟต์กระเช้า เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในการทำงานบนที่สูง แต่การใช้งานที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้น ผู้ใช้งานควรปฏิบัติตามข้อควรระวังดังต่อไปนี้

ก่อนใช้งาน

  • ตรวจสอบสภาพรถก่อนใช้งานทุกครั้งว่า ไม่มีส่วนใดชำรุดเสียหาย
  • ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
  • ตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย หมวกนิรภัย
  • ศึกษาคู่มือการใช้งานรถให้เข้าใจ
  • ผู้ใช้งานต้องได้รับการอบรมและมีใบอนุญาต

ระหว่างใช้งาน

  • สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยทุกครั้ง
  • ห้ามใช้งานรถในสภาพอากาศเลวร้าย เช่น ฝนตกหนัก ลมแรง
  • ห้ามบรรทุกเกินพิกัด
  • ระวังสิ่งกีดขวางรอบตัว
  • ห้ามยื่นตัวออกจากกระเช้า
  • ห้ามใช้งานรถบนพื้นที่ลาดเอียง

หลังใช้งาน

  • เก็บรถในที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก
  • ตรวจสอบทำความสะอาดรถ

สำหรับธุรกิจที่มองหารถลิฟต์กระเช้า เพื่อใช้งานในโรงงานรูปแบบต่าง ๆ ให้มาที่ SIAM SUN ผู้นำเข้าเครื่องจักรกลจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ให้บริการขายรถลิฟต์กระเช้า สำหรับเคลื่อนย้ายของในที่สูง ราคาถูก รวมถึงจำหน่ายรถตักล้อยาง รถขุด รถยก ราคาเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาด มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ฟรีตรวจเช็กกว่า 50 รายการภายในระยะเวลา 2 ปี หากต้องซ่อมนานเกิน 7 วัน เรามีรถลิฟต์กระเช้าสำรองให้ใช้บริการฟรี 

สนใจซื้อหรือเช่า ติดต่อฝ่ายขายได้ที่ โทร. 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้า โทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

เจาะลึกสาเหตุของอาการรถขุดไม่มีแรง เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

รถขุดไม่มีแรงเกิดจากอะไร สาเหตุและวิธีซ่อมบำรุงที่เหมาะสม

สำหรับใครที่เจอกับปัญหาขัดข้องจากการใช้รถแบคโฮ โดยเฉพาะอาการรถขุดไม่มีแรง ตัวเดินมีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ควรจะต้องดูเบื้องต้นอย่างไร และถ้าละเลยจะเกิดปัญหาอะไรได้บ้าง ในบทความนี้เรามีคำตอบ

รถขุดไม่มีแรงเกิดจากอะไร สาเหตุและวิธีซ่อมบำรุงที่เหมาะสม

เจาะ 3 สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหารถขุดแบคโฮไม่มีแรง

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รถแบคโฮมีปัญหา จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน คือ ส่วนเครื่องยนต์ ส่วนไฮดรอลิก และส่วนของอะไหล่ในรถขุด โดยสามารถแจกแจงถึงปัญหาได้ ดังนี้

  • ปัญหาด้านเครื่องยนต์

ปัญหารถขุดไม่มีแรง เคลื่อนไหวได้ช้า อาจเกิดมาจากเครื่องยนต์ สังเกตได้จากความยากเวลาสตาร์ตเครื่องยนต์ ไปจนถึงการสูญเสียกำลังในการขับเคลื่อนและใช้งาน โดยเบื้องต้นให้ทำการตรวจสอบแบตเตอรี่ และตัวกรอง เพื่อหาสาเหตุความผิดปกติ การอุดตันของไส้กรอง ความสมบูรณ์ของบุชชิ่ง และวงจรสตาร์ต เพื่อทำการซ่อมแซมให้ตรงจุด

  • ปัญหาด้านระบบไฮดรอลิก

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถขุดไม่มีแรง คือการทำงานที่ผิดปกติของระบบไฮดรอลิกที่มีการรั่วซึม ซึ่งเกิดได้ทั้งการรั่วซึมภายนอก (External Leak) ที่สามารถมองเห็นได้ มีระดับน้ำมันไฮดรอลิกลดลง และการรั่วซึมภายใน (Internal Leak) ที่เกิดบริเวณกระบอกระหว่างห้องแรงดันสูง กับห้องแรงดันต่ำ โดยไม่มีการสูญเสียน้ำมันให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่งผลให้รถขุดไม่มีแรง ยกแขนขุดไม่ขึ้นนั่นเอง

  • ปัญหาด้านโครงสร้างและกลไก

ปิดท้ายด้วยปัญหาที่มีสาเหตุจากการชำรุดและสึกหรอของอะไหล่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและกลไกของรถขุดตัก หรือรถแบคโฮ ทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ยังทำให้เสถียรภาพและความคล่องตัวในการเดินรถลดลงอีกด้วย

แนวทางซ่อมบำรุงรักษารถขุด

สำหรับผู้ประกอบการที่มีปัญหาการใช้งาน ต้องการซ่อมแบคโฮให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อันดับแรกต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “การซ่อมบำรุงรถขุด” เสียก่อน โดยขอบเขตคำว่าซ่อมบำรุง คือการพยายามรักษาสภาพของเครื่องมือเครื่องจักรต่าง ๆ ให้มีความพร้อมที่จะใช้งานอยู่ตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงที่จะปล่อยให้เกิดการชำรุด ซึ่งจะกระทบต่อกระบวนการทำงานนั่นเอง

โดยแนวทางการซ่อมบำรุงที่เหมาะสมกับรถขุด/รถแบคโฮนั้น คือ “การบำรุงรักษาตามแผน” (Preventive Maintenance) ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรถขุด โดยทำการตรวจเช็กและบำรุงรักษาตามแผนงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ควรทำเป็นประจำแบบรายวัน โดยแนวทางนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถขุด ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

แนวทางการซ่อมบำรุง แก้ปัญหารถขุดไม่มีแรง

4 เช็กลิสต์ ระยะซ่อมบำรุงรักษารถขุดแบบรายวัน

  1. ตรวจสอบรอยรั่วซึมทุกจุด : ป้องกันการรั่วซึมของน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันไฮดรอลิก ฯลฯ รวมไปถึงระบบท่อต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลที่ทำให้เกิดการชำรุด รถขุดไม่มีแรง และความปลอดภัยด้านเชื้อเพลิงที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระหว่างการสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ 
  2. วัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์และระดับน้ำหล่อเย็นเสมอ : เพราะจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และมีประสิทธิภาพที่เสถียร
  3. อุ่นเครื่องยนต์ทิ้งไว้ก่อนทำงาน 10-30 นาที : เพื่อตรวจสอบหน้าปัดว่ารถแบคโฮจะมีความพร้อมในการทำงานหรือมีการชำรุดที่ระบบใด ๆ หรือไม่ จะได้ทำการซ่อมบำรุง รวมไปถึงการเปลี่ยนอะไหล่ให้พร้อมก่อน
  4. ตรวจเช็กระดับน้ำมันไฮดรอลิก และน้ำมันเกียร์เฟืองมอเตอร์สวิง : โดยลดระดับกระบอกไฮดรอลิก เข้าให้สุดทุกกระบอก เพื่อดูให้ระดับน้ำมันไฮดรอลิกอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องอยู่ระหว่างขีดสีแดงล่างและบนของหลอดวัด หากต่ำกว่าขีดล่างควรเติมให้อยู่ในระดับก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันรถขุดไม่มีแรง

ยืดอายุการใช้งาน พร้อมเดินเครื่องรถขุด/รถแบคโฮได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพียงใช้บริการซ่อมบำรุงรถขุดดินจาก SIAM SUN ดูแลให้ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมบริการเช่า-ซื้อแบบครอบคลุม การันตีด้วยการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 ให้บริการอย่างอุ่นใจ ด้วยศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 สนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778

แหล่งอ้างอิง

3 ประเภทรถฟอร์กลิฟต์ยอดนิยม ในงานคลังสินค้าและอุตสาหกรรม

รถฟอร์กลิฟต์
รถฟอร์กลิฟต์

รถฟอร์กลิฟต์ หรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า รถโฟล์คลิฟท์ เปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ก่อสร้าง ที่ช่วยให้การขนย้ายของหนัก ชิ้นใหญ่ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว  ปลอดภัย แต่รู้หรือไม่ว่ารถฟอร์กลิฟต์มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกัน ขอชวนมารู้จักกับประเภทของรถฟอร์กลิฟต์ที่ใช้กันทั่วไป แต่ละแบบต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับงาน มาดูได้ในบทความนี้

รถฟอร์กลิฟต์ มีกี่ประเภท ?

รถฟอร์กลิฟต์ (Forklift) เปรียบเสมือนแขนเหล็กที่ช่วยให้การขนย้ายสินค้าหนักเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือ สถานที่ก่อสร้าง และพื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องการจัดการสินค้าจำนวนมาก

สำหรับคนที่ต้องการซื้อหรือเช่ารถฟอร์กลิฟต์ แต่ไม่แน่ใจว่ามีกี่ประเภท ควรเลือกแบบไหนดี มาดูคำแนะนำที่นี่เลย

1. รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า (Electric Forklift)

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าทำงานด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ ไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีมลพิษ ไม่ปล่อยควัน มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กสามารถใช้งานในพื้นที่/ทางเดินของอาคารที่แคบได้ เหมาะสำหรับการใช้งานภายในอาคาร เช่น อาคารศูนย์กระจายสินค้า อาคารคลังสินค้า โกดังอาหารและยา ห้องเย็น

ข้อดี

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องคอยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ น้ำหล่อเย็น น้ำมันเกียร์
  • ดีต่อสุขภาพของพนักงาน ทำงานเสียงเงียบ ไม่มีเขม่าควัน ไร้มลพิษ
  • คล่องตัว รถมีขนาดกะทัดรัด รัศมีวงเลี้ยวแคบ เหมาะกับพื้นที่จำกัด
  • ทนทาน ทำงานในอุณหภูมิติดลบได้ เช่น ห้องเย็น ห้องแช่แข็ง
  • ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องใช้น้ำมันหรือแก๊ส

ข้อจำกัด

  • ต้องหมั่นชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ
  • ต้องมีสถานีชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่ทำงาน
  • แนะนำให้มีแบตสำรอง
  • ต้องมีพื้นที่ระบายอากาศได้ ปลอดโปร่ง สำหรับการชาร์จ

2. รถฟอร์กลิฟต์เครื่องยนต์สันดาป (Engine Forklift)

รถฟอร์กลิฟต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อขับเคลื่อน ได้แก่ น้ำมัน (ดีเซล และ เบนซิน) และแก๊ส (CNG และ LPG) เครื่องยนต์มีความทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน มีกำลังยกสูงมาก เหมาะสำหรับงานยกของที่มีน้ำหนักหลายตัน นิยมใช้งานในพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ยกสินค้าในคลังสินค้า ขนย้ายสินค้าในท่าเรือ ย้ายคอนเทนเนอร์

ข้อดี

  • ทำงานได้ยาวนานต่อเนื่อง โดยไม่ต้องหยุดพักชาร์จแบตเตอรี่
  • ทนทานต่อสภาพอากาศ ร้อน ฝน หรือฝุ่น เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
  • เติมน้ำมันสะดวกรวดเร็ว ใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องรอชาร์จไฟ

ข้อจำกัด

  • เครื่องยนต์มีเสียงดัง ปล่อยไอเสีย ส่งผลต่อสุขภาพ
  • รถมักมีขนาดใหญ่ รัศมีวงเลี้ยวกว้าง ไม่เหมาะกับพื้นที่จำกัด
  • แบกรับความเสี่ยงของค่าน้ำมันที่ไม่คงที่ และมีโอกาสสูงขึ้นเรื่อย ๆ
  • ต้องการการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ

3. รถฟอร์กลิฟต์แบบพิเศษ

  • รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าแบบนั่งขับ : มีอุปกรณ์งายื่นออกมาจากด้านหน้า เหมาะสำหรับการขนถ่ายพาเลทและสินค้าต่าง ๆ
  • รถฟอร์กลิฟต์ Side Loader : มีลักษณะการเคลื่อนที่โดยการวิ่งด้านข้าง สามารถขับและยกของขึ้นชั้นวางสินค้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเลี้ยว เหมาะสำหรับการใช้งานในทางเดินแคบ ๆ
  • รถฟอร์กลิฟต์ Rough Terrain : ใช้ยางชนิดพิเศษ มีขนาดใหญ่และเกลียวที่แข็งแรง สามารถใช้งานบนพื้นหินได้ ทำให้มีความสมดุลและเสถียรภาพที่ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นผิวขรุขระ เช่น ไซต์งานก่อสร้าง พื้นที่เกษตรกรรม 
  • รถฟอร์กลิฟต์ Telehandler : มีอุปกรณ์บูมและแขนที่ยืดออกได้ ทำให้มีระยะเอื้อมที่มากขึ้น สามารถยกของหนักและมีความสูงมากได้ เหมาะสำหรับงานในคลังสินค้า สถานที่ก่อสร้างที่มีพื้นกว้างและมีชั้นวางของที่สูงมาก
รถฟอร์กลิฟต์สำหรับงานคลังสินค้า

ปัจจัยในการเลือกใช้รถฟอร์กลิฟต์

  • ลักษณะงาน : พิจารณาความสามารถในการยกของ พื้นที่การใช้งาน และความเหมาะสมกับสภาพพื้นผิว
  • สถานที่ใช้งาน : พิจารณาการใช้งานในอาคาร หรือใช้งานกลางแจ้ง
  • งบประมาณ : รถฟอร์กลิฟต์มีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด และฟังก์ชันการใช้งาน ควรเปรียบเทียบราคาจากผู้ขายหลายรายก่อนตัดสินใจซื้อ
  • การบำรุงรักษาง่าย : เลือกรถฟอร์กลิฟต์ที่มีอะไหล่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง
  • บริการ : เลือกรถฟอร์กลิฟต์จากผู้ขายที่มีบริการหลังการขายที่ดี มีศูนย์บริการและช่างผู้ชำนาญการ

รถฟอร์กลิฟต์ เป็นเครื่องมือช่วยทุ่นแรงอย่างดี ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะนอกจากจะช่วยลดเวลาในการทำงาน ทำให้งานเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ยังมีประสิทธิภาพอีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหารถฟอร์กลิฟต์ ต้องมาที่ SIAM SUN เราจำหน่ายรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า ไม่มีมลพิษทางอากาศ เสียงเงียบ และประหยัดพลังงาน ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 นอกจากนี้ เรามีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด

หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

คู่มือการเลือกรถขุดตีนตะขาบ ให้เหมาะกับโปรเจกต์งานของคุณ

รถขุดตีนตะขาบกำลังทำงาน ปรับพื้นที่ หน้าดินก่อสร้าง

รถขุดตีนตะขาบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “รถแบ็กโฮ” เปรียบเสมือนแขนขาของงานก่อสร้าง ที่ช่วยขุดเจาะ ปรับระดับพื้นผิว ขนย้ายดิน ซึ่งงานประเภทนี้ล้วนต้องพึ่งพารถขุดตีนตะขาบทั้งสิ้น แต่ด้วยโมเดลและขนาดที่มีหลากหลายจึงทำให้การเลือกรถขุดตีนตะขาบ รวมไปถึงรถขุดล้อยางที่เหมาะกับงานกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องให้ความสำคัญ และในบทความนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับในการเลือกรถขุดตีนตะขาบที่ใช่ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่ากัน

รถขุดตีนตะขาบกำลังทำงาน ปรับพื้นที่ หน้าดินก่อสร้าง

หน้าที่สำคัญของการใช้งานรถขุดตีนตะขาบ

รถขุดตีนตะขาบ หรือรถแบ็กโฮ เป็นยานพาหนะสำหรับงานก่อสร้างที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเปรียบเสมือนแขนขาของเหล่าวิศวกรและผู้รับเหมา โดยสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น

  • ขุดเจาะหลุม : ไม่ว่าจะเป็นหลุมฐานราก หลุมบ่อ หรือร่องคู รถขุดตีนตะขาบก็สามารถขุดเจาะได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยแขนขุดที่มีขนาดและรูปแบบแตกต่างกันออกไป พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
  • ขนย้ายวัสดุ : แขนขุดของรถขุดตีนตะขาบสามารถใช้ตักและขนย้ายวัสดุต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ดิน ทราย หิน ไปยังจุดที่ต้องการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัดแรงงาน
  • ปรับระดับพื้นที่ : ด้วยล้อแบบตีนตะขาบ จะช่วยทำให้การปรับระดับกลายเป็นเรื่องง่าย พร้อมช่วยปรับพื้นที่ให้ราบเรียบเสมอกัน เหมาะสำหรับงานเตรียมพื้นที่ก่อนการก่อสร้าง หรือปรับพื้นที่หลังการถมดิน
  • รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง : ด้วยแรงดันและกำลังของแขนขุด รถขุดตีนตะขาบสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบางประเภท เช่น กำแพง อาคารเก่า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกรถขุดตีนตะขาบ

ด้วยความสามารถอันหลากหลายที่กล่าวไปข้างต้น แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ใช้งานควรให้ความสำคัญกับการเลือกประเภทรถขุดตีนตะขาบ ให้เหมาะสมมากที่สุด โดยหลักการง่าย ๆ สามารถอ้างอิงได้จาก 4 ข้อพิจารณาเหล่านี้

1. เลือกจากสภาพพื้นดิน

เพราะสภาพดินมีผลอย่างมากต่อศักยภาพในการขับเคลื่อนและการทำงานของรถขุดตีนตะขาบ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ จึงควรพิจารณาเลือกตามสภาพดินที่เหมาะสม โดยแบ่งได้ทั้งหมด 3 ลักษณะ ดังนี้

  • พื้นดินแข็ง : ควรเลือกรถที่มีกำลังขุดสูง แขนขุดที่แข็งแรง และฐานล่างที่กว้าง เพื่อการยึดเกาะที่ดี ป้องกันการลื่นไถล
  • พื้นดินอ่อน : ควรเลือกรถที่มีน้ำหนักเบา แรงดันพื้นดินต่ำ เพื่อป้องกันการทรุดของพื้นดิน และฐานล่างที่กว้างในการกระจายน้ำหนัก
  • พื้นที่จำกัด : ควรเลือกรถที่มีขนาดกะทัดรัด วงเลี้ยวแคบ เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ซึ่งลักษณะนี้รถขุดล้อยางอาจจะตอบโจทย์มากกว่า

2. เลือกจากความเสถียรของเครื่องจักร

นอกเหนือจากสภาพดินที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกรถแบ็กโฮแล้ว ยังมีเรื่องความเสถียรของเครื่องจักรที่ยังต้องพิจารณาให้ดี เพราะนอกจากจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังมีผลต่อความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย โดยให้ดูจาก 3 องค์ประกอบของรถขุด ดังนี้

  • ฐานล่าง : เลือกรถที่มีฐานล่างกว้าง เพื่อการทรงตัวที่ดี ป้องกันการล้มคว่ำ โดยเฉพาะเมื่อทำงานบนพื้นที่ลาดเอียง
  • แขนขุด : เลือกรถขุดตีนตะขาบที่มีแขนขุดที่แข็งแรง ทนทาน สามารถรองรับแรงกระแทกและแรงบิดได้ดี โดยไม่ทำให้เกิดการบิดงอ หรือเสียรูป ช่วยให้การทำงานแม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
  • ระบบไฮดรอลิก : เลือกรถที่มีระบบไฮดรอลิกที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมการทำงานได้อย่างแม่นยำ ไม่เกิดการรั่วไหล หรือเกิดขึ้นน้อย เพื่อการทำงานที่คุ้มค่าและทนทานในระยะยาว

3. พิจารณาจากความคล่องตัวในการติดตั้ง

อีกหนึ่งข้อพิจารณาที่สำคัญ คือความคล่องตัวในการติดตั้งสำหรับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลต่อความสะดวก รวดเร็ว และประหยัด ทั้งในแง่ของเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย

  • ขนาด : เลือกรถขุดตีนตะขาบที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ทำงาน สามารถขนย้ายและติดตั้งได้สะดวก
  • น้ำหนัก : เลือกรถขุดตีนตะขาบที่มีน้ำหนักไม่มากจนเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายให้แก่พื้นผิวถนนหรือสะพาน
  • การขนส่ง : เลือกรถขุดตีนตะขาบที่มีวิธีการขนส่งสะดวก สามารถรื้อถอดประกอบชิ้นส่วนได้ง่าย
แนวทางการเลือกใช้งานรถขุดตีนตะขาบให้เหมาะสมกับงาน

4. พิจารณาความเหมาะสมในการบำรุงรักษา

ข้อพิจารณาสุดท้ายคือ การเลือกรถขุดที่มีการบำรุงรักษาที่เหมาะสม คำนึงทั้งความสะดวก ค่าใช้จ่าย และความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลต่อต้นทุน เวลา ความเสี่ยงในการใช้งาน โดยให้คำนึงตามองค์ประกอบ ดังนี้

  • อะไหล่ : เลือกรถขุดตีนตะขาบที่มีอะไหล่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง
  • บริการ : เลือกจากบริษัทที่มีศูนย์บริการและช่างผู้ชำนาญใกล้สถานที่ใช้งาน
  • การรับประกัน : เลือกที่มีการรับประกันยาวนาน คุ้มครองการชำรุดเสียหาย

รู้จักประเภทของรถขุดตีนตะขาบ

หลังจากที่ได้ทราบถึงข้อพิจารณาในการเลือกซื้อรถขุดตีนตะขาบ สิ่งสำคัญถัดมาที่ไม่ควรพลาด คือการทำความรู้จักกับประเภทต่าง ๆ ของรถขุดตีนตะขาบ เพื่อการเลือกใช้งานที่เหมาะสมมากที่สุด โดยแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นและบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • รถขุดตีนตะขาบ เหมาะสำหรับงานทั่วไป เช่น ขุดดิน, เกลี่ยดิน, ถมดิน และรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง โดยจะมีขนาดและกำลังเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฮดรอลิก มีทั้งแบบมีใบมีดตักด้านหน้าและไม่มีใบมีดตัก
  • รถขุดตีนตะขาบกว้าง มีฐานที่กว้างกว่ารถแทรกเตอร์ตีนตะขาบแบบมาตรฐาน เหมาะสำหรับการทำงานบนพื้นผิวที่อ่อนนุ่ม เช่น ดินเลน ทราย พร้อมช่วยกระจายน้ำหนักลงบนพื้นผิวที่กว้างขึ้น เพราะลดแรงกดทับพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยทำให้รถขุดตีนตะขาบสามารถทำงานได้โดยไม่จมลงในดิน
  • รถขุดตีนตะขาบติดเครื่องทำลาย เหมาะสำหรับงานรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง โดยจะเป็นรถแทรกเตอร์ตีนตะขาบที่มีใบมีดขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า เหมาะสำหรับงานรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่แข็งแรง เช่น อาคาร กำแพง โดยใบมีดจะสามารถปรับระดับความสูงและมุมเอียงได้ ในขณะเดียวกันเครื่องทำลายก็สามารถช่วยให้สามารถทุบหิน คอนกรีต และโลหะได้ดี จึงเหมาะสำหรับงานเตรียมพื้นที่ก่อนการก่อสร้าง

ข้อมูลข้างต้นเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกใช้รถขุดประเภทตีนตะขาบ แต่สำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่ยังไม่ได้ลงทุนในเครื่องจักรประเภทนี้ แต่มีรถขุดล้อยางอยู่ก็สามารถนำไปใช้แทนในบางกรณี เช่น การขุดดิน, เกลี่ยดิน หรืองานถมดินปรับพื้นที่ แต่จะเหมาะกับสภาพดินที่มีความแข็งมากกว่า 

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหารถขุดตีนตะขาบ รถขุดล้อยาง หรือรถตักดินล้อยางประสิทธิภาพสูง ที่พร้อมรองรับงานของคุณ ต้องมาที่ SIAM SUN แหล่งจัดจำหน่ายรถตักดินล้อยาง และเครื่องจักรงานก่อสร้าง ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย หากสนใจหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778

แหล่งอ้างอิง

รถบดล้อยาง/ล้อเหล็ก คืออะไร มีกี่ประเภท ?

รถบดล้อยาง สำหรับงานทำถนน
รถบดล้อยาง สำหรับงานทำถนน

เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ถนนหนทางที่เราขับขี่สัญจรนั้น ผ่านกรรมวิธีอะไรมาบ้าง ก่อนจะกลายเป็นเส้นทางที่มั่นคง ปลอดภัย หนึ่งในหัวใจสำคัญของกระบวนการนี้ นั่นคือ “รถบด” รถคันยักษ์ใหญ่ ที่มีกำลังสูงมาพร้อมลูกกลิ้งล้อหน้า-หลังที่พร้อมบดอัดทุกพื้นผิวให้เรียบ บทความนี้ขอพาทุกคนไปรู้จักกับรถบดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งรถบดล้อยางและล้อเหล็ก พร้อมบทบาทหน้าที่สำคัญที่มีต่อโครงสร้างพื้นฐานในการทำถนนที่มีคุณภาพ

ทำความรู้จักกับรถบด

รถบด หรือที่รู้จักกันในชื่อ “รถบดถนน” เป็นเครื่องจักรพิเศษที่มีลูกกลิ้งขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า หรือทั้งด้านหน้าและด้านหลังของยานพาหนะ ทำหน้าที่บดอัดพื้นผิวดินให้แน่นเรียบ หรือบดถนนให้ราบ โดยอาศัยแรงกดจากน้ำหนักของตัวรถและลูกกลิ้ง ทำให้สามารถบดอัดชั้นดิน ทราย หรือวัสดุอื่น ๆ ให้แน่นสนิทได้ตามเกณฑ์ที่ต้องการ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้การทำงานก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

กลไกการทำงานของรถบด

รถบดมีล้อลักษณะคล้ายลูกกลิ้งขนาดใหญ่ มักมีทั้งแบบล้อคู่หน้า-หลัง หรือล้อเดียวด้านหน้า ที่ออกแบบมาเพื่อกระจายน้ำหนักลงสู่พื้นผิวอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ตัวรถค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า แรงกดจากล้อจะทำหน้าที่บดอัดชั้นดินให้แน่นขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้พื้นผิวมีความมั่นคง แข็งแรง ทนทานต่อแรงกดทับ เหมาะแก่การรองรับน้ำหนักยานพาหนะและการใช้งานหนัก

โดยทั่วไป การทำถนน รถบดจะทำงานร่วมกันกับรถขุดตักอย่างสอดคล้อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างถนนที่แข็งแรง ทนทาน สวยงาม และปลอดภัย

รถบดทำถนน ดูแลให้พื้นผิวเรียบสวย

ประเภทรถบดถนน

สำหรับการนำไปใช้งาน รถบดมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับงานเฉพาะด้าน ดังนี้

รถบดล้อยาง (Rubber Tire Roller Compactor)

รถบดถนนแบบล้อยางกว้างขนาดใหญ่ ทำหน้าที่บดอัดวัสดุมวลรวมหยาบ เช่น ดิน ทราย หรือหิน เป็นชั้น ๆ ให้พื้นผิวสม่ำเสมอ เรียบ และแน่นหนา เป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญมากต่องานทำถนน และการจัดเรียงโครงสร้างภายในของชั้นดินหรือชั้นถนนได้ดี

รถบดล้อยาง เหมาะสำหรับงานบดอัดที่ต้องการความละเอียด ประณีต เช่น บดพื้นยางมะตอยบนถนนทางหลวง ลานสนามบิน ฐานรากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องมีการควบคุมคุณภาพอย่างพิถีพิถัน ระดับระนาบและความหนาแน่นของพื้นต้องมีความสม่ำเสมอและเป็นไปตามเกณฑ์อย่างเข้มงวด ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการสัญจร ตลอดจนเพื่อความสวยงามของภูมิทัศน์โดยรอบ

รถบดล้อเหล็กเรียบ (Smooth-wheel Rollers)

รถบดที่มีลักษณะโดดเด่นที่ล้อเหล็กเรียบขนาดใหญ่ มีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำหน้าที่บดอัดวัสดุชนิดหยาบ เช่น ลูกรัง ก้อนกรวด หินทราย และดินที่มีส่วนคละดี (Well Graded) หินกรวดปนทราย แต่ไม่นิยมใช้บดอัดกับดินที่มีลักษณะเหนียวหนัก

รถบดล้อเหล็กเรียบ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการคุณภาพสูง เช่น ทางด่วน สนามบิน ท่าเรือ เขื่อน ให้สามารถรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพราะเป็นสถานที่ที่ต้องรับน้ำหนัก แรงกดทับ แรงดัน หรือแรงกระแทกอย่างมหาศาลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

รถบดล้อหนาม รถบดตีนแกะ (Sheepsfoot Rollers)

รถบดล้อหนาม หรือรถบดตีนแกะ มีลักษณะล้อหน้าเป็นล้อหนาม ล้อหลังเป็นล้อยาง 2 ล้อ ใช้บดวัสดุที่ไม่ยึดติดกัน เช่น ดินลูกรัง ก้อนกรวด หินปนทราย ดินทราย หินก้อนเล็ก หรือดินที่มีคุณสมบัติไม่ดี เพื่อเพิ่มความแน่นของพื้นผิวที่บดอัดลงไป

รถบดล้อหนาม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวให้แก่โครงสร้างดิน งานบดอัดดินเพื่อลดการซึมผ่านของน้ำ เช่น การสร้างถนน รากฐานทางด่วน ท่าเรือขนส่งสินค้า เขื่อน และงานทำฐานโรงงานอุตสาหกรรม

รถบดสั่นสะเทือน (Vibrating Rollers)

รถบดสั่นสะเทือน เป็นรถบดที่ได้รับความนิยมมาก มีลักษณะคล้ายกับรถบดล้อเรียบ แต่จะแตกต่างกันตรงล้อหลังเป็นล้อยาง ที่สามารถส่งแรงสั่นสะเทือนให้แก่เม็ดดินได้ดี ทำให้เกิดการเรียงตัวและเคลื่อนตัวเข้ามาชิดกันมากขึ้น เพื่อให้ได้คุณภาพงานที่ตรงตามความต้องการ นิยมใช้กับดินประเภทดินทราย ดินกรวดปนทราย ลูกรัง หินคลุก

รถบดสั่นสะเทือน เหมาะสำหรับงานบดอัดบริเวณคอสะพาน หรือดินถมกลบหลังท่อน้ำ เป็นงานบดอัดในพื้นที่ที่รถบดชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถเข้าไปได้

รถบดล้อยางและล้อเหล็ก เป็นเครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่ มักใช้กับพื้นที่กว้าง และสามารถบดอัดพื้นได้แน่นหนาอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสำหรับการทำงานร่วมกันกับรถขุดตักอย่างสอดคล้อง 

สำหรับธุรกิจที่มองหารถขุดตักที่มีประสิทธิภาพ ให้มาที่ SIAM SUN มีบริการรถขุดตักให้เช่า ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 นอกจากนี้ เรามีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด

หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

ความสำคัญใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ และคู่มือขับขี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า

ผู้ขับขี่ฟอร์กลิฟต์ต้องมีใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์

“รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า” (Electric Forklift) หรือที่คุ้นชินกันว่า “โฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า” คือเครื่องจักรที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับการใช้งานภายในพื้นที่ปฏิบัติงานอย่างไซต์ก่อสร้างและคลังสินค้า ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานอยู่มากมาย ทำให้ต้องมีการขับขี่อย่างปลอดภัย ในบทความนี้จึงมีคู่มือการขับรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้ามาฝากกัน

ผู้ขับขี่ฟอร์กลิฟต์ต้องมีใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าคืออะไร ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ?

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า คือเครื่องจักรที่ใช้ในการยกและเคลื่อนย้ายวัสดุหรือสินค้าในพื้นที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานหลัก มีลักษณะเด่นคือการทำงานที่เงียบ เสียงเบา และไม่ปล่อยมลพิษ โดยรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าจะช่วยให้การขนย้ายวัสดุและสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น

คู่มือการขับรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ผู้ที่ขับขี่ควรได้รับการอนุญาตและผ่านการอบรมฟอร์กลิฟต์

การขับขี่รถฟอร์กลิฟต์ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพราะผู้ขับขี่จะต้องผ่านการอบรมและได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น โดยการอบรมฟอร์กลิฟต์จะครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าใจหลักการทำงานของรถฟอร์กลิฟต์ กฎความปลอดภัย และเทคนิคการขับขี่อย่างถูกต้อง รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษารถฟอร์กลิฟต์เบื้องต้น และการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนการใช้งานทุกครั้งด้วย ซึ่งหลังจากการอบรมผู้ขับขี่จะต้องได้รับใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์

ควรตรวจสภาพรถฟอร์กลิฟต์ก่อนเริ่มใช้งานเสมอ

ก่อนเริ่มขับขี่และใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ทุกครั้ง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงการเช็กระบบไฟฟ้า ระบบไฮดรอลิก ยาง เบรก และอุปกรณ์ความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ไฟส่องสว่าง สัญญาณเตือน และเข็มขัดนิรภัย เพราะการตรวจสภาพก่อนใช้งานจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถฟอร์กลิฟต์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและปลอดภัย

ควรรายงานหัวหน้างานโดยทันที เมื่อพบสิ่งบกพร่อง เสียหาย หรือต้องซ่อม

หากพบความผิดปกติหรือความเสียหายใด ๆ ของรถฟอร์กลิฟต์ระหว่างการตรวจสอบหรือใช้งาน ผู้ขับขี่ต้องรายงานต่อหัวหน้างานหรือผู้รับผิดชอบทันที เพราะการรายงานปัญหาอย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ และไม่ควรพยายามซ่อมแซมด้วยตนเองหากไม่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทางมา เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหาย และอันตรายมากกว่าเดิม

ไม่ควรใช้รถฟอร์กลิฟต์บรรทุกน้ำหนักมากเกินกำหนด

รถฟอร์กลิฟต์ทุกคันมีขีดจำกัดในการยกน้ำหนัก ซึ่งควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดอาจทำให้รถเสียการทรงตัว เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ หรือทำให้ระบบไฮดรอลิกเสียหายได้ ดังนั้นผู้ขับขี่จึงต้องทราบขีดจำกัดการยกน้ำหนักของรถที่ใช้งานและไม่บรรทุกเกินพิกัดเด็ดขาด

เลือกใช้พาเลทให้เหมาะสมกับของที่จะยก

การเลือกใช้พาเลท (Pallet) ที่เหมาะสมกับวัสดุหรือสินค้าที่จะยกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะพาเลทที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้วางและยกสินค้าได้อย่างไม่มั่นคง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเลื่อนหล่น หรือเสียหายระหว่างการขนย้ายได้ ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานรถฟอร์กลิฟต์ควรพิจารณาขนาด น้ำหนัก และลักษณะของสินค้าเพื่อเลือกพาเลทที่เหมาะสมที่สุดเสมอ

การอบรมฟอร์กลิฟต์ช่วยให้ขับขี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

รู้จักใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ เอกสารการันตีการอบรมการขับขี่

ใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ คืออะไร ?

ใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ (Certified Forklift Driver) คือเอกสารแสดงถึงการอบรมหลักสูตรการขับขี่และการตรวจสอบบำรุงรักษารถยก ซึ่งช่วยยืนยันว่าบุคคลนั้นผ่านการอบรมหลักสูตรการขับขี่และการตรวจสอบบำรุงรักษารถยกตามมาตรฐานที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกำหนด 

วัตถุประสงค์ของใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์

ใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน และเป็นเอกสารที่จำเป็นสำหรับสถานประกอบการที่ต้องการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน 

ใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ สอบที่ไหน ?

การสอบใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์จำเป็นต้องได้รับการอบรมการขับขี่ฟอร์กลิฟต์จากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และได้มาตรฐานด้านคุณภาพ ISO 9001:2015 ซึ่งโดยส่วนมากแล้วหลักสูตรอบรมฟอร์กลิฟต์จะจัดให้มีการทดสอบเพื่อรับใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์ด้วย โดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม โดยหลักสูตรอบรมจะต้องครอบคลุม 3 ส่วนสำคัญดังนี้

  1. ภาคทฤษฎี

ครอบคลุมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรถฟอร์กลิฟต์ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หลักการความปลอดภัยในการทำงาน และการบำรุงรักษาเบื้องต้น

  1. ภาคปฏิบัติ

ผู้เข้าอบรมจะได้ฝึกทักษะการขับขี่รถฟอร์กลิฟต์จริง ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ

  1. การทดสอบ

ผู้เข้าอบรมต้องผ่านการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อแสดงว่ามีความรู้และทักษะที่เพียงพอ เพื่อรับใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์

นอกจากการสอบใบเซอร์ฟอร์กลิฟต์จะช่วยการันตีความปลอดภัยในการขับขี่และใช้งานภายในพื้นที่ปฏิบัติงานแล้ว ผู้ประกอบการยังควรเลือกรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานมาใช้งานควบคู่ไปด้วย ซึ่งที่ SIAM SUN เรามีรถฟอร์กลิฟต์คุณภาพดี มาตรฐานสูง พร้อมจำหน่ายให้ในราคามิตรภาพ และตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท ทั้งยังมีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปี หรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย หากสนใจหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778

แหล่งอ้างอิง

ตอบชัด ! รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับลักษณะงานแบบไหน ?

รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

รถขุดตัก เป็นเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขุด ยก ขนย้าย และลำเลียงวัสดุต่าง ๆ ในงานก่อสร้าง ในปัจจุบันรถขุดตักมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรถขุดตักว่ามีกี่ประเภทก่อนตัดสินใจซื้อหรือเช่า เพื่อให้ได้รถขุดตักที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระดับความยากง่ายในลักษณะการใช้งานรถขุดตัก

ก่อนจะไปดูกันว่ารถขุดตักมีกี่ประเภท ลำดับแรกอยากจะให้ทำความเข้าใจถึงระดับความยาก-ง่ายในงานขุดดินเสียก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจระหว่างเลือกซื้อประเภทรถขุดตักที่เหมาะสม โดยจะแบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้

  • งานขุดลอกคลองธรรมชาติ เป็นลักษณะงานขุดดินอ่อน เจอได้ในงานขุดลอกคลองธรรมชาติ คลองส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ และคูคลองหนองบึงทั่วไป เพราะมีลักษณะดินที่นิ่มเป็นเลน ใช้รถขุดตักได้ทุกแบบ
  • งานขุดดินธรรมดา เป็นการขุดดินที่มีลักษณะอ่อน ดินที่ได้มีการเตรียมหรือรวมกองไว้จากบ่อยืมดิน โดยจะใช้รถขุดตักมาเพื่อตักใส่รถบรรทุกเทท้ายลำเลียงไปยังบริเวณก่อสร้าง
  • งานขุดดินยาก เป็นงานลักษณะเดียวกับงานขุดลอกคลองธรรมชาติและงานขุดดินธรรมดา แต่ลักษณะวัสดุหรือดินที่ขุดจะมีความขุดยาก เช่น หินกรวด ลูกรัง ลูกรังปนแร่ หินปูน ดินเหนียวแห้ง ดินที่กะเทาะออกเป็นแผ่น ๆ หินที่ระเบิดแล้ว และดินดาน โดยรวมจะมีความแข็ง ความขรุขระสูง จึงต้องมองหารถขุดตักที่มีคุณสมบัติการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม และแรงขุดที่มากพอ

ประเภทรถขุดตักตามลักษณะล้อที่ใช้ในการเคลื่อนที่

เริ่มต้นกันที่ประเภทของรถขุดตักที่แบ่งตามลักษณะของ “ล้อ” ที่ใช้ในการเคลื่อนที่ โดยจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • รถขุดตักล้อยาง (Wheel Excavator) : เป็นรถขุดตักที่ใช้ล้อยางในการเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมทั่ว ๆ ไป เนื่องจากสามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกบนพื้นผิวเรียบ เช่น ถนน ลานคอนกรีต เป็นต้น 
  • รถขุดตักล้อตีนตะขาบ (Crawler Excavator) : เป็นรถขุดตักที่ใช้ล้อตีนตะขาบในการเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนที่บนพื้นผิวที่ค่อนข้างจะขรุขระ เช่น งานขุดดิน งานขุดเจาะ งานถมดิน เป็นต้น

ประเภทรถขุดตักตามลักษณะของการขุดตัก

นอกจากจะแบ่งประเภทรถขุดตักตามล้อเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของกลไกการขุดตักดินได้อีกด้วย โดยรถขุดตักประเภทนี้จะเรียกว่าเป็นรถแบ็กโฮ (Backhoe) ทั้งหมด เพียงแต่จะแตกต่างในลักษณะของการทำงาน โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทหลัก ได้แก่

ตอบให้ชัด รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับลักษณะงานแบบไหน
  • รถขุดตักแบบตักเข้าหาตัวรถ : เป็นรถขุดตักที่มีลักษณะบุ้งกี๋แบบยื่นเข้ามาหาตัวรถ เหมาะสำหรับงานในพื้นที่จำกัด เช่น งานขุดบ่อระบายน้ำ งานขุดถนน งานขุดลอกคลอง เป็นต้น
  • รถขุดตักแบบตักออกจากตัวรถ : รถขุดตักที่มีบุ้งกี๋แบบยื่นออกจากตัวรถ มีแขนยาว เหมาะสำหรับทำงานในพื้นที่กว้าง เช่น งานขุดดินในงานก่อสร้าง งานขุดก้นคลอง แต่จะต้องเป็นดินที่มีความอ่อนนุ่มเท่านั้น จึงเหมาะกับการใช้งานรถประเภทนี้
  • รถขุดตักแบบคีบ : เป็นรถขุดตักที่มีลักษณะบุ้งกี๋แบบคีบ เหมาะสำหรับงานที่มีน้ำหนักเบาหรือขนาดไม่ใหญ่ เช่น งานยกท่อ งานยกแผ่นคอนกรีต เป็นต้น
  • รถขุดตักแบบลากดึง : มีลักษณะบุ้งกี๋แบบตักเข้าหาตัวรถ หรือตักออกจากตัวรถ แต่ใช้ล้อยางในการเคลื่อนที่แทนล้อตีนตะขาบ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนที่บนพื้นผิวเรียบ

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่ารถขุดตักมีกี่ประเภท คงจะพอมองเห็นแล้วว่าประเภทไหนที่เหมาะสำหรับงานที่กำลังดำเนินการอยู่ และสำหรับธุรกิจที่มองหารถขุดตักที่ตอบโจทย์การทำงาน ให้มาได้เลยที่ SIAM SUN เพราะเรามีบริการรถขุดให้เช่าในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย สนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778

แหล่งอ้างอิง

ทำไมธุรกิจควรใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวัน ?

รถฟอร์กลิฟต์สำหรับเช่ารายวัน

รถฟอร์กลิฟต์ เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการยกขนสินค้า วัสดุ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งการซื้อขาดรถฟอร์กลิฟต์เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่ารถ ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน และค่าที่จอดรถ ด้วยเหตุนี้ บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวันจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน

รถฟอร์กลิฟต์ อุปกรณ์สำคัญในธุรกิจโรงงาน

รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ทำหน้าที่ขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักเกินกว่าแรงคนจะยกได้ โดยมีประโยชน์ดี ๆ ในการใช้งานหลายประการ ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : สามารถยกและเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ช่วยลดเวลาและแรงงานในการยกขนย้ายสินค้า
  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ : การยกและเคลื่อนย้ายสินค้าด้วยรถฟอร์กลิฟต์ แทนการใช้แรงงานคน จะช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้ เช่น สินค้าตกหล่น หรือทับคนงาน
  • เพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน : รถฟอร์กลิฟต์มีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ระบบป้องกันการชน ระบบป้องกันสินค้าตกหล่น จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานได้
  • ยืดหยุ่นในการใช้งาน : สามารถปรับแต่งรถฟอร์กลิฟต์ให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น ยกสินค้าหนัก ยกสินค้าขนาดใหญ่ ยกสินค้าในที่สูง ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่า รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรที่คุ้มค่า และควรมีไว้ใช้งานในโรงงานประเภทต่าง ๆ แต่การซื้อขาดรถฟอร์กลิฟต์อาจมีต้นทุนสูง ดังนั้นการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวันที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า จะช่วยประหยัดต้นทุน พร้อมกับการใช้งานที่คุ้มค่าได้

การใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ในคลังสินค้า

5 เหตุผลที่ธุรกิจควรใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวัน

สำหรับธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์เป็นครั้งคราว การเลือกใช้บริการเช่าแบบจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของรถฟอร์กลิฟต์ในระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน โดยมีข้อดีหลายประการดังนี้

1. ลดต้นทุน

การซื้อรถฟอร์กลิฟต์ท์ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะค่ารถซึ่งอาจสูงถึงหลักล้านบาท ดังนั้น ธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ในระยะสั้นหรือมีปริมาณการใช้งานไม่มากนัก อาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อขาด ซึ่งบริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวันจึงช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว

2. ความยืดหยุ่น

ความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ของธุรกิจอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณสินค้าที่ต้องขนย้าย ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ต้องนำผลผลิตมาเก็บในโรงงาน การซื้อรถฟอร์กลิฟต์อาจทำให้ธุรกิจขาดความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริง การใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวัน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสื่อมราคาของรถ

3. การซ่อมบำรุง

รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรกลที่ต้องอาศัยการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ การซื้อรถฟอร์กลิฟต์อาจทำให้ธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเอง แต่บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ ผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบการซ่อมบำรุงรถทั้งหมด จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงของธุรกิจได้

4. รถฟอร์กลิฟต์ที่มีคุณภาพ

ผู้ให้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ จะมีรถหลากหลายประเภทให้เลือกสรร และมีระบบการบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับรถที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการ

5. บริการครบวงจร

ผู้ให้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวัน มักมาพร้อมบริการที่ดีและครบวงจร เช่น บริการจัดส่งรถถึงที่ บริการซ่อมแซมฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

สำหรับธุรกิจที่มองหารถฟอร์กลิฟต์ให้เช่า ให้มาที่ SIAM SUN มีบริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า รถยกไฟฟ้า รถแม็คโคร ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 นอกจากนี้ เรายังมีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

เผยความต่างและเทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานให้ปลอดภัย

รถยกของในโรงงานมีกี่ประเภท ใช้แตกต่างอย่างไร

“รถยก” เป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญอย่างยิ่งในโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ในการขนย้ายวัสดุและสินค้าต่าง ๆ ได้ จึงช่วยประหยัดแรงงานและเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่แน่ใจความจำเป็นของรถยกมากนัก บทความนี้เราจึงขอพาไปดูข้อมูล ด้วยการแนะนำประเภทของรถยกของในโรงงานยอดนิยม และเทคนิคการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันได้เลย

ประเภทรถยกของในโรงงานที่ได้รับความนิยม

เพราะเครื่องจักรสำคัญอย่างรถยกมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ประเภทที่ได้รับความนิยมสำหรับนำมาใช้ในโรงงานนั้น จะต้องมาพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งแรงการยก ความสมดุล การรองรับน้ำหนัก และความคล่องตัว และนี่ก็คือ 2 ประเภทยอดนิยม ได้แก่

  • รถยกถ่วงน้ำหนัก (Counterbalance Forklift) : เป็นรถยกที่มีน้ำหนักถ่วงอยู่ด้านหลังของรถ มาพร้อม 1 ที่นั่งในการควบคุมรถ และมีเหล็กคู่ด้านหน้าไว้ช่วยประคองสิ่งของ พร้อมทำให้รถยกมีความสมดุลและมั่นคงในการยกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก 
  • รถลากพาเลท (Pallet Truck) : เป็นรถยกของในโรงงานขนาดเล็ก มักใช้ในพื้นที่ที่จำกัด ไม่กว้างขวางมาก มาพร้อมความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัสดุในที่แคบได้เป็นอย่างดี ราคาค่าใช้จ่ายการดูแลรักษามักต่ำกว่ารถยกถ่วงน้ำหนัก มีลักษณะเป็นรถเข็นที่มีงายื่นออกมาด้านหน้า ใช้ในการยกพาเลทที่มีสินค้าวางอยู่

เทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะรถยกฟอร์กลิฟต์ ถือเป็นเครื่องจักรที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตของโรงงานเป็นอย่างมาก ทำให้การเรียนรู้วิธีใช้งานที่เหมาะสม จะช่วยดึงประสิทธิภาพของรถยกของออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิผลให้กระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี เพียงทำตาม 5 เทคนิคเหล่านี้ !

รวมเทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานให้ปลอดภัย
  • เลือกใช้รถยกของให้เหมาะกับลักษณะงาน หากยกของหนัก ใช้งานบ่อย ในพื้นที่คลังสินค้าที่มีขนาดกว้าง ก็ให้ใช้รถยกถ่วงน้ำหนัก เพื่อความปลอดภัยและสมดุลในการเคลื่อนย้ายสินค้า ในทางกลับกัน หากต้องใช้ในพื้นที่จำกัดมาก ๆ รถลากพาเลทก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
  • ตรวจสอบสภาพรถยกของก่อนใช้งานทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสภาพทั่วไป หรือการตรวจในขั้นตอนการบำรุงรักษาตามแผน หรือการบำรุงรักษาช่วงป้องกัน ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน ทั้งยังเป็นการดูแลที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอะไหล่ เปลี่ยนรถยกคันใหม่ เมื่อชำรุดจนยากจะซ่อมให้เหมือนเดิม
  • ขับรถยกโดยปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎโรงงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝันในพื้นที่ปฏิบัติงาน ควรศึกษากฎจราจรและการขับขี่ภายในโรงงานให้ขึ้นใจ ก่อนใช้งานรถยกในพื้นที่จริง ทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับสินค้า ซึ่งอาจจะกระทบต่อความล่าช้าในการเคลื่อนย้าย ขน ส่ง และกระจายจำหน่ายได้อีกด้วย
  • จัดวางสินค้าให้เหมาะสมทุกครั้งที่ใช้งาน ควรวางแผนการจัดเรียงสินค้าให้เหมาะสม มั่นคง ไม่ควรวางสิ่งของที่มีน้ำหนักน้อยไว้ที่ฐานด้านล่าง เพราะจะทำให้ชำรุด แตกหัก หรือเสียหาย รวมไปถึงโค่นล้มเพราะฐานรับน้ำหนักไม่มั่นคง ซึ่งอาจทำให้พนักงานได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย
  • ฝึกอบรมพนักงานขับรถยกของในโรงงาน เพื่อให้เข้าใจถึงแผนการซ่อมบำรุง วิธีใช้งานเบื้องต้นที่ถูกต้อง และกฎการจราจรขับขี่ภายในพื้นที่ปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งต่อบุคคลและสินค้านั่นเอง

จบครบเรื่องรถยกของในโรงงาน ต้องมาที่ SIAM SUN มีบริการให้เช่ารถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า รถยกไฟฟ้า ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

รู้จักรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าและการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าสำหรับยกหรือขนสินค้า
รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าสำหรับยกหรือขนสินค้า

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า หนึ่งในเครื่องจักรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการยกของหนัก ซึ่งในขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ที่ถูกต้อง และเทคนิคการดูแลแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ เพื่อประสิทธิภาพและการใช้งานที่ดี

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า (Forklift) คือ เครื่องจักรมีเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ เป็นพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนไปบนพื้นเรียบหรือพื้นที่ลาดเอียงได้อย่างง่ายดาย โดยมีอุปกรณ์สำคัญที่เรียกว่า “งา” ยื่นออกมาจากตัวรถ ใช้สำหรับสอดและยกเพื่อขนย้ายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเกินกว่ากำลังคนจะยกได้ พร้อมสามารถปรับระดับความสูงและมุมเอียงของงาได้ตามความเหมาะสมของสินค้าที่ต้องการจะยกได้

สำหรับแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำงาน ทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนรถฟอร์กลิฟต์และระบบสำคัญต่าง ๆ เช่น ระบบไฮดรอลิก ระบบเบรก ระบบสัญญาณไฟ เป็นต้น มีประสิทธิภาพในการจ่ายกระแสไฟได้สูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 

อายุของแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์

อายุการทำงานของแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์โดยทั่วไปจะวัดเป็นรอบการชาร์จ (Cycle) ซึ่งหมายถึงการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ไปจนถึง 100% จำนวน 1 ครั้งเพื่อนำไปใช้งาน และเมื่อใช้เสร็จก็ต้องนำมากลับมาชาร์จไฟใหม่อีก 1 ครั้ง (Cycle) นั่นเอง

โดยเฉลี่ยแล้ว แบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-6 ปี หรือ 500-1,500 รอบการชาร์จ (Cycle) รวมถึงความเสื่อมของแบตเตอรี่ก็จะอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ ลักษณะการใช้งาน และการบำรุงรักษาอีกด้วย

เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า

1. การเตรียมพื้นที่ก่อนการชาร์จแบตเตอรี่

  1. ควรเลือกสถานที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัย ห่างจากแหล่งความร้อนและความชื้น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
  2. ตรวจสอบบริเวณจุดชาร์จให้ไม่มีสิ่งกีดขวาง พร้อมนำตัวรถฟอร์กลิฟต์มาจอดใกล้สถานีชาร์จ
  3. ตรวจสอบสภาพปลั๊กไฟสำหรับการชาร์จให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการชำรุด
  4. เปิดฝาจุดเติมน้ำกลั่น เพื่อตรวจสอบน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับพอดี (ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าแผ่น Element Protector ประมาณ 1-2 ซม.)
  5. ตรวจสอบจุดเสียบปลั๊กของแบตเตอรี่กับตู้ชาร์จให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน ต้องไม่มีรอยแตกหักหรือรอยรั่ว เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่วไหล

2. การชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์

  • นำหัวปลั๊กชาร์จไฟเสียบเข้ากับปลั๊กตู้ชาร์จ และตรวจดูให้แน่น
  • การชาร์จแต่ละครั้งต้องชาร์จต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมงติดต่อกัน หรือขึ้นอยู่กับความจุและคุณภาพของแบตเตอรี่ด้วย
  • เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ดึงปลั๊กออกจากตู้ชาร์จ และปิดฝาครอบเก็บให้เรียบร้อย
  • แนะนำให้ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็กค่าถ่วงจำเพาะ และแรงดันของเซลล์แบตเตอรี่ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : ไม่ควรให้แบตเตอรี่ฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าลดลงมากกว่า 80% เพราะต้องใช้เวลาในการชาร์จนาน และทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จในขณะที่แบตเตอรี่ร้อน เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้

การชาร์จแบตเตอรี่ รถฟอร์กลิฟต์

การดูแลแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าให้ใช้งานได้ยาวนาน

  • เรียนรู้และเข้าใจการทำงานของรถฟอร์กลิฟต์ก่อนนำไปใช้งาน และควรนำไปใช้ในพื้นที่ที่มีความสะอาดและปลอดภัยเสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับผู้ใช้และตัวรถได้
  • ตรวจสอบระดับความจุของแบตเตอรี่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยดูจากไฟแสดงสถานะหรือเครื่องวัดความจุของแบตเตอรี่
  • ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ และเติมน้ำกลั่นให้เพียงพอ เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้งหลังใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้
  • ควรชาร์จแบตเตอรี่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและแห้ง เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือเกิดไฟไหม้
  • หมั่นบำรุงรักษาระบบชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบชาร์จไฟทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคนที่สนใจรถฟอร์กลิฟต์ เครื่องจักรสำคัญในงานขนส่งสินค้า เข้ามาที่ SIAM SUN เรามีบริการจำหน่ายรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง และได้รับการรับรองระบบมาตรฐานของระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778