ตอบชัด ! รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับลักษณะงานแบบไหน ?

รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

รถขุดตัก เป็นเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขุด ยก ขนย้าย และลำเลียงวัสดุต่าง ๆ ในงานก่อสร้าง ในปัจจุบันรถขุดตักมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรถขุดตักว่ามีกี่ประเภทก่อนตัดสินใจซื้อหรือเช่า เพื่อให้ได้รถขุดตักที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระดับความยากง่ายในลักษณะการใช้งานรถขุดตัก

ก่อนจะไปดูกันว่ารถขุดตักมีกี่ประเภท ลำดับแรกอยากจะให้ทำความเข้าใจถึงระดับความยาก-ง่ายในงานขุดดินเสียก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจระหว่างเลือกซื้อประเภทรถขุดตักที่เหมาะสม โดยจะแบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้

  • งานขุดลอกคลองธรรมชาติ เป็นลักษณะงานขุดดินอ่อน เจอได้ในงานขุดลอกคลองธรรมชาติ คลองส่งน้ำ ท่อระบายน้ำ และคูคลองหนองบึงทั่วไป เพราะมีลักษณะดินที่นิ่มเป็นเลน ใช้รถขุดตักได้ทุกแบบ
  • งานขุดดินธรรมดา เป็นการขุดดินที่มีลักษณะอ่อน ดินที่ได้มีการเตรียมหรือรวมกองไว้จากบ่อยืมดิน โดยจะใช้รถขุดตักมาเพื่อตักใส่รถบรรทุกเทท้ายลำเลียงไปยังบริเวณก่อสร้าง
  • งานขุดดินยาก เป็นงานลักษณะเดียวกับงานขุดลอกคลองธรรมชาติและงานขุดดินธรรมดา แต่ลักษณะวัสดุหรือดินที่ขุดจะมีความขุดยาก เช่น หินกรวด ลูกรัง ลูกรังปนแร่ หินปูน ดินเหนียวแห้ง ดินที่กะเทาะออกเป็นแผ่น ๆ หินที่ระเบิดแล้ว และดินดาน โดยรวมจะมีความแข็ง ความขรุขระสูง จึงต้องมองหารถขุดตักที่มีคุณสมบัติการเคลื่อนที่ที่เหมาะสม และแรงขุดที่มากพอ

ประเภทรถขุดตักตามลักษณะล้อที่ใช้ในการเคลื่อนที่

เริ่มต้นกันที่ประเภทของรถขุดตักที่แบ่งตามลักษณะของ “ล้อ” ที่ใช้ในการเคลื่อนที่ โดยจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • รถขุดตักล้อยาง (Wheel Excavator) : เป็นรถขุดตักที่ใช้ล้อยางในการเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมทั่ว ๆ ไป เนื่องจากสามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกบนพื้นผิวเรียบ เช่น ถนน ลานคอนกรีต เป็นต้น 
  • รถขุดตักล้อตีนตะขาบ (Crawler Excavator) : เป็นรถขุดตักที่ใช้ล้อตีนตะขาบในการเคลื่อนที่ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนที่บนพื้นผิวที่ค่อนข้างจะขรุขระ เช่น งานขุดดิน งานขุดเจาะ งานถมดิน เป็นต้น

ประเภทรถขุดตักตามลักษณะของการขุดตัก

นอกจากจะแบ่งประเภทรถขุดตักตามล้อเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถแบ่งได้ตามลักษณะของกลไกการขุดตักดินได้อีกด้วย โดยรถขุดตักประเภทนี้จะเรียกว่าเป็นรถแบ็กโฮ (Backhoe) ทั้งหมด เพียงแต่จะแตกต่างในลักษณะของการทำงาน โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทหลัก ได้แก่

ตอบให้ชัด รถขุดตักมีกี่ประเภท เหมาะกับลักษณะงานแบบไหน
  • รถขุดตักแบบตักเข้าหาตัวรถ : เป็นรถขุดตักที่มีลักษณะบุ้งกี๋แบบยื่นเข้ามาหาตัวรถ เหมาะสำหรับงานในพื้นที่จำกัด เช่น งานขุดบ่อระบายน้ำ งานขุดถนน งานขุดลอกคลอง เป็นต้น
  • รถขุดตักแบบตักออกจากตัวรถ : รถขุดตักที่มีบุ้งกี๋แบบยื่นออกจากตัวรถ มีแขนยาว เหมาะสำหรับทำงานในพื้นที่กว้าง เช่น งานขุดดินในงานก่อสร้าง งานขุดก้นคลอง แต่จะต้องเป็นดินที่มีความอ่อนนุ่มเท่านั้น จึงเหมาะกับการใช้งานรถประเภทนี้
  • รถขุดตักแบบคีบ : เป็นรถขุดตักที่มีลักษณะบุ้งกี๋แบบคีบ เหมาะสำหรับงานที่มีน้ำหนักเบาหรือขนาดไม่ใหญ่ เช่น งานยกท่อ งานยกแผ่นคอนกรีต เป็นต้น
  • รถขุดตักแบบลากดึง : มีลักษณะบุ้งกี๋แบบตักเข้าหาตัวรถ หรือตักออกจากตัวรถ แต่ใช้ล้อยางในการเคลื่อนที่แทนล้อตีนตะขาบ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนที่บนพื้นผิวเรียบ

หลังจากที่ได้รู้กันไปแล้วว่ารถขุดตักมีกี่ประเภท คงจะพอมองเห็นแล้วว่าประเภทไหนที่เหมาะสำหรับงานที่กำลังดำเนินการอยู่ และสำหรับธุรกิจที่มองหารถขุดตักที่ตอบโจทย์การทำงาน ให้มาได้เลยที่ SIAM SUN เพราะเรามีบริการรถขุดให้เช่าในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย สนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778

แหล่งอ้างอิง

ทำไมธุรกิจควรใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวัน ?

รถฟอร์กลิฟต์สำหรับเช่ารายวัน

รถฟอร์กลิฟต์ เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการยกขนสินค้า วัสดุ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ซึ่งการซื้อขาดรถฟอร์กลิฟต์เป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่ารถ ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน และค่าที่จอดรถ ด้วยเหตุนี้ บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวันจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน

รถฟอร์กลิฟต์ อุปกรณ์สำคัญในธุรกิจโรงงาน

รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ทำหน้าที่ขนย้ายสินค้าขนาดใหญ่และมีน้ำหนักเกินกว่าแรงคนจะยกได้ โดยมีประโยชน์ดี ๆ ในการใช้งานหลายประการ ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : สามารถยกและเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ช่วยลดเวลาและแรงงานในการยกขนย้ายสินค้า
  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ : การยกและเคลื่อนย้ายสินค้าด้วยรถฟอร์กลิฟต์ แทนการใช้แรงงานคน จะช่วยลดความเสี่ยงอุบัติเหตุได้ เช่น สินค้าตกหล่น หรือทับคนงาน
  • เพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน : รถฟอร์กลิฟต์มีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ระบบป้องกันการชน ระบบป้องกันสินค้าตกหล่น จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานได้
  • ยืดหยุ่นในการใช้งาน : สามารถปรับแต่งรถฟอร์กลิฟต์ให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น ยกสินค้าหนัก ยกสินค้าขนาดใหญ่ ยกสินค้าในที่สูง ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่า รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรที่คุ้มค่า และควรมีไว้ใช้งานในโรงงานประเภทต่าง ๆ แต่การซื้อขาดรถฟอร์กลิฟต์อาจมีต้นทุนสูง ดังนั้นการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวันที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า จะช่วยประหยัดต้นทุน พร้อมกับการใช้งานที่คุ้มค่าได้

การใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ในคลังสินค้า

5 เหตุผลที่ธุรกิจควรใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์แบบรายวัน

สำหรับธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์เป็นครั้งคราว การเลือกใช้บริการเช่าแบบจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของรถฟอร์กลิฟต์ในระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน โดยมีข้อดีหลายประการดังนี้

1. ลดต้นทุน

การซื้อรถฟอร์กลิฟต์ท์ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะค่ารถซึ่งอาจสูงถึงหลักล้านบาท ดังนั้น ธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ในระยะสั้นหรือมีปริมาณการใช้งานไม่มากนัก อาจไม่คุ้มค่าที่จะซื้อขาด ซึ่งบริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวันจึงช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนได้ในระยะยาว

2. ความยืดหยุ่น

ความต้องการใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ของธุรกิจอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณสินค้าที่ต้องขนย้าย ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ต้องนำผลผลิตมาเก็บในโรงงาน การซื้อรถฟอร์กลิฟต์อาจทำให้ธุรกิจขาดความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริง การใช้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวัน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสื่อมราคาของรถ

3. การซ่อมบำรุง

รถฟอร์กลิฟต์เป็นเครื่องจักรกลที่ต้องอาศัยการซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ การซื้อรถฟอร์กลิฟต์อาจทำให้ธุรกิจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเอง แต่บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ ผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบการซ่อมบำรุงรถทั้งหมด จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงของธุรกิจได้

4. รถฟอร์กลิฟต์ที่มีคุณภาพ

ผู้ให้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ จะมีรถหลากหลายประเภทให้เลือกสรร และมีระบบการบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับรถที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการ

5. บริการครบวงจร

ผู้ให้บริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์รายวัน มักมาพร้อมบริการที่ดีและครบวงจร เช่น บริการจัดส่งรถถึงที่ บริการซ่อมแซมฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้งานรถฟอร์กลิฟต์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

สำหรับธุรกิจที่มองหารถฟอร์กลิฟต์ให้เช่า ให้มาที่ SIAM SUN มีบริการเช่ารถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า รถยกไฟฟ้า รถแม็คโคร ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 นอกจากนี้ เรายังมีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

เผยความต่างและเทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานให้ปลอดภัย

รถยกของในโรงงานมีกี่ประเภท ใช้แตกต่างอย่างไร

“รถยก” เป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญอย่างยิ่งในโรงงานอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ในการขนย้ายวัสดุและสินค้าต่าง ๆ ได้ จึงช่วยประหยัดแรงงานและเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่แน่ใจความจำเป็นของรถยกมากนัก บทความนี้เราจึงขอพาไปดูข้อมูล ด้วยการแนะนำประเภทของรถยกของในโรงงานยอดนิยม และเทคนิคการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันได้เลย

ประเภทรถยกของในโรงงานที่ได้รับความนิยม

เพราะเครื่องจักรสำคัญอย่างรถยกมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ประเภทที่ได้รับความนิยมสำหรับนำมาใช้ในโรงงานนั้น จะต้องมาพร้อมคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งแรงการยก ความสมดุล การรองรับน้ำหนัก และความคล่องตัว และนี่ก็คือ 2 ประเภทยอดนิยม ได้แก่

  • รถยกถ่วงน้ำหนัก (Counterbalance Forklift) : เป็นรถยกที่มีน้ำหนักถ่วงอยู่ด้านหลังของรถ มาพร้อม 1 ที่นั่งในการควบคุมรถ และมีเหล็กคู่ด้านหน้าไว้ช่วยประคองสิ่งของ พร้อมทำให้รถยกมีความสมดุลและมั่นคงในการยกสินค้าที่มีน้ำหนักมาก 
  • รถลากพาเลท (Pallet Truck) : เป็นรถยกของในโรงงานขนาดเล็ก มักใช้ในพื้นที่ที่จำกัด ไม่กว้างขวางมาก มาพร้อมความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัสดุในที่แคบได้เป็นอย่างดี ราคาค่าใช้จ่ายการดูแลรักษามักต่ำกว่ารถยกถ่วงน้ำหนัก มีลักษณะเป็นรถเข็นที่มีงายื่นออกมาด้านหน้า ใช้ในการยกพาเลทที่มีสินค้าวางอยู่

เทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะรถยกฟอร์กลิฟต์ ถือเป็นเครื่องจักรที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตของโรงงานเป็นอย่างมาก ทำให้การเรียนรู้วิธีใช้งานที่เหมาะสม จะช่วยดึงประสิทธิภาพของรถยกของออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิผลให้กระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี เพียงทำตาม 5 เทคนิคเหล่านี้ !

รวมเทคนิคการใช้รถยกของในโรงงานให้ปลอดภัย
  • เลือกใช้รถยกของให้เหมาะกับลักษณะงาน หากยกของหนัก ใช้งานบ่อย ในพื้นที่คลังสินค้าที่มีขนาดกว้าง ก็ให้ใช้รถยกถ่วงน้ำหนัก เพื่อความปลอดภัยและสมดุลในการเคลื่อนย้ายสินค้า ในทางกลับกัน หากต้องใช้ในพื้นที่จำกัดมาก ๆ รถลากพาเลทก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า
  • ตรวจสอบสภาพรถยกของก่อนใช้งานทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสภาพทั่วไป หรือการตรวจในขั้นตอนการบำรุงรักษาตามแผน หรือการบำรุงรักษาช่วงป้องกัน ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างการใช้งาน ทั้งยังเป็นการดูแลที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอะไหล่ เปลี่ยนรถยกคันใหม่ เมื่อชำรุดจนยากจะซ่อมให้เหมือนเดิม
  • ขับรถยกโดยปฏิบัติตามกฎจราจรและกฎโรงงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝันในพื้นที่ปฏิบัติงาน ควรศึกษากฎจราจรและการขับขี่ภายในโรงงานให้ขึ้นใจ ก่อนใช้งานรถยกในพื้นที่จริง ทั้งยังเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับสินค้า ซึ่งอาจจะกระทบต่อความล่าช้าในการเคลื่อนย้าย ขน ส่ง และกระจายจำหน่ายได้อีกด้วย
  • จัดวางสินค้าให้เหมาะสมทุกครั้งที่ใช้งาน ควรวางแผนการจัดเรียงสินค้าให้เหมาะสม มั่นคง ไม่ควรวางสิ่งของที่มีน้ำหนักน้อยไว้ที่ฐานด้านล่าง เพราะจะทำให้ชำรุด แตกหัก หรือเสียหาย รวมไปถึงโค่นล้มเพราะฐานรับน้ำหนักไม่มั่นคง ซึ่งอาจทำให้พนักงานได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย
  • ฝึกอบรมพนักงานขับรถยกของในโรงงาน เพื่อให้เข้าใจถึงแผนการซ่อมบำรุง วิธีใช้งานเบื้องต้นที่ถูกต้อง และกฎการจราจรขับขี่ภายในพื้นที่ปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งต่อบุคคลและสินค้านั่นเอง

จบครบเรื่องรถยกของในโรงงาน ต้องมาที่ SIAM SUN มีบริการให้เช่ารถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า รถยกไฟฟ้า ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778 และฝ่ายบริการลูกค้าโทร. 086-307-1778 หรือผ่านช่องทาง LINE : @siamsun

แหล่งอ้างอิง

รู้จักรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าและการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าสำหรับยกหรือขนสินค้า
รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าสำหรับยกหรือขนสินค้า

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า หนึ่งในเครื่องจักรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการยกของหนัก ซึ่งในขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ที่ถูกต้อง และเทคนิคการดูแลแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ เพื่อประสิทธิภาพและการใช้งานที่ดี

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน

รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า (Forklift) คือ เครื่องจักรมีเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ เป็นพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนไปบนพื้นเรียบหรือพื้นที่ลาดเอียงได้อย่างง่ายดาย โดยมีอุปกรณ์สำคัญที่เรียกว่า “งา” ยื่นออกมาจากตัวรถ ใช้สำหรับสอดและยกเพื่อขนย้ายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเกินกว่ากำลังคนจะยกได้ พร้อมสามารถปรับระดับความสูงและมุมเอียงของงาได้ตามความเหมาะสมของสินค้าที่ต้องการจะยกได้

สำหรับแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำงาน ทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนรถฟอร์กลิฟต์และระบบสำคัญต่าง ๆ เช่น ระบบไฮดรอลิก ระบบเบรก ระบบสัญญาณไฟ เป็นต้น มีประสิทธิภาพในการจ่ายกระแสไฟได้สูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 

อายุของแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์

อายุการทำงานของแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์โดยทั่วไปจะวัดเป็นรอบการชาร์จ (Cycle) ซึ่งหมายถึงการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ไปจนถึง 100% จำนวน 1 ครั้งเพื่อนำไปใช้งาน และเมื่อใช้เสร็จก็ต้องนำมากลับมาชาร์จไฟใหม่อีก 1 ครั้ง (Cycle) นั่นเอง

โดยเฉลี่ยแล้ว แบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-6 ปี หรือ 500-1,500 รอบการชาร์จ (Cycle) รวมถึงความเสื่อมของแบตเตอรี่ก็จะอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่ ลักษณะการใช้งาน และการบำรุงรักษาอีกด้วย

เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า

1. การเตรียมพื้นที่ก่อนการชาร์จแบตเตอรี่

  1. ควรเลือกสถานที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัย ห่างจากแหล่งความร้อนและความชื้น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
  2. ตรวจสอบบริเวณจุดชาร์จให้ไม่มีสิ่งกีดขวาง พร้อมนำตัวรถฟอร์กลิฟต์มาจอดใกล้สถานีชาร์จ
  3. ตรวจสอบสภาพปลั๊กไฟสำหรับการชาร์จให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการชำรุด
  4. เปิดฝาจุดเติมน้ำกลั่น เพื่อตรวจสอบน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับพอดี (ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าแผ่น Element Protector ประมาณ 1-2 ซม.)
  5. ตรวจสอบจุดเสียบปลั๊กของแบตเตอรี่กับตู้ชาร์จให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน ต้องไม่มีรอยแตกหักหรือรอยรั่ว เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่วไหล

2. การชาร์จแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์

  • นำหัวปลั๊กชาร์จไฟเสียบเข้ากับปลั๊กตู้ชาร์จ และตรวจดูให้แน่น
  • การชาร์จแต่ละครั้งต้องชาร์จต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมงติดต่อกัน หรือขึ้นอยู่กับความจุและคุณภาพของแบตเตอรี่ด้วย
  • เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ดึงปลั๊กออกจากตู้ชาร์จ และปิดฝาครอบเก็บให้เรียบร้อย
  • แนะนำให้ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็กค่าถ่วงจำเพาะ และแรงดันของเซลล์แบตเตอรี่ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ข้อแนะนำเพิ่มเติม : ไม่ควรให้แบตเตอรี่ฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าลดลงมากกว่า 80% เพราะต้องใช้เวลาในการชาร์จนาน และทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง และควรหลีกเลี่ยงการชาร์จในขณะที่แบตเตอรี่ร้อน เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้

การชาร์จแบตเตอรี่ รถฟอร์กลิฟต์

การดูแลแบตเตอรี่รถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้าให้ใช้งานได้ยาวนาน

  • เรียนรู้และเข้าใจการทำงานของรถฟอร์กลิฟต์ก่อนนำไปใช้งาน และควรนำไปใช้ในพื้นที่ที่มีความสะอาดและปลอดภัยเสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับผู้ใช้และตัวรถได้
  • ตรวจสอบระดับความจุของแบตเตอรี่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยดูจากไฟแสดงสถานะหรือเครื่องวัดความจุของแบตเตอรี่
  • ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ และเติมน้ำกลั่นให้เพียงพอ เพื่อให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้งหลังใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้
  • ควรชาร์จแบตเตอรี่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและแห้ง เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือเกิดไฟไหม้
  • หมั่นบำรุงรักษาระบบชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบชาร์จไฟทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคนที่สนใจรถฟอร์กลิฟต์ เครื่องจักรสำคัญในงานขนส่งสินค้า เข้ามาที่ SIAM SUN เรามีบริการจำหน่ายรถฟอร์กลิฟต์ไฟฟ้า ในราคามิตรภาพ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง และได้รับการรับรองระบบมาตรฐานของระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 หากสนใจติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์ 086-302-1778

ตอบชัด! รถแบ็กโฮกับรถแม็คโคร ต่างกันอย่างไร?

รถแบ็กโฮ รถตักมือสองราคาถูก
รถแบ็กโฮกับรถแม็คโคร ที่จริงแล้วต่างกันอย่างไร

เครื่องจักรที่ขาดไม่ได้ในไซต์งานก่อสร้างมีอยู่มากมาย รถแบ็กโฮเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เคยสงสัยกันไหมว่าในขณะที่เราคุ้นหูกับรถแม็คโครมากกว่า แต่คำว่ารถแบ็กโฮเองก็มีคนเรียกเยอะแยะไม่ต่างกัน แล้วสรุปรถทั้งสองประเภทนี้คืออะไร เหมือนกันหรือต่างกัน วันนี้เราจะสรุปกันชัด ๆ ว่าที่จริงแล้วคือรถแบ็กโฮหรือรถแม็คโครกันแน่ พร้อมพาตามรอยตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงประโยชน์ในการใช้งาน

รถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร ต่างกันอย่างไร?

เคยสงสัยกันไหม ว่าทำไมหลาย ๆ ครั้งคนถึงได้เรียกรถแม็คโครว่า แบ็กโฮ เพราะถึงจะออกเสียงใกล้เคียงกัน แต่สะกดออกมาแล้วก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง วันนี้เราจะมาบอกว่ารถแบ็กโฮ กับรถแม็คโคร มีความต่างกันอย่างไร?

จริง ๆ แล้วไม่ได้มีความต่างกันแม้แต่น้อย เพราะทั้งสองชื่อหมายถึงรถประเภทเดียวกัน โดยตั้งแต่แรกถูกเรียกว่าเป็น “รถแบ็กโฮ” หรือ BackHoe ที่มาจากคำว่า Back ที่แปลว่าด้านหลัง และ Hoe ที่แปลว่าจอบหรือเสียม และเมื่อรวมกันแล้ว จะหมายถึง “รถตักหน้าขุดหลัง” ในภายหลังคำว่าแบ็กโฮก็ถูกกร่อนเสียง จนกลายเป็นแม็คโคร (แมคโคร) จึงเป็นที่เข้าใจตรงกันได้ว่า หมายถึงรถขุดดินประเภทเดียวกันนั่นเอง

ย้อนรอยดูประวัติรถแบ็กโฮ

รถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี โดยแรกเริ่มมีจุดกำเนิดมาจากรถแทรกเตอร์ที่ถูกคิดค้นเพื่อพัฒนาให้มีแขนขุดติดอยู่ด้านหลัง โดยเริ่มมาจากบริษัท Holt Manufacturing Company ของสหรัฐอเมริกา ภายหลังได้เปลี่ยนจากแขนขุดแบบธรรมดาให้เป็นแบบไฮดรอลิก ทำให้กลายเป็นเป็นรถที่สามารถขุดดินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โดยยี่ห้อแรกของรถแบ็กโฮหรือรถแม็คโครที่ถูกนำเข้ามาใช้งานในประเทศไทย คือ Caterpilla และภายหลังก็ได้นำเข้ายี่ห้อ Komatsu เป็นลำดับถัดมา หลังจากนั้นก็มีบริษัทอื่น ๆ ทยอยนำเข้ามาเรื่อย ๆ และนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายในเกือบทุกอุตสาหกรรม

การใช้งานรถแบ็กโฮหรือรถแม็คโครในปัจจุบัน

ปัจจุบันรถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร เป็นเครื่องจักรกลที่ถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งการก่อสร้าง เหมืองแร่ การเกษตร และงานสาธารณูปโภคต่าง ๆ เนื่องจากรถแบ็กโฮหลาย ๆ รุ่นก็ถูกปรับปรุงและพัฒนาให้มีความทันสมัย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานได้หลายลักษณะ เช่น การขุดดิน  ขุดแร่ เทคอนกรีต ปรับพื้นที่ ปลูกต้นไม้ เป็นต้น

ประโยชน์ของรถแบ็กโฮในงานก่อสร้าง

รถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร
  • ประสิทธิภาพการก่อสร้างสูงขึ้น 

รถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร ตัวช่วยทุ่นแรงให้สามารถดำเนินงานก่อสร้างที่ยากลำบากไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพราะรถแบ็กโฮสามารถขุดดินและตักวัสดุอื่น ๆ ได้ปริมาณมาก ๆ ในคราวเดียว ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี

  • มีความทนทานต่อลักษณะงานที่อยู่ในพื้นที่ยากลำบาก

ด้วยลักษณะของรถขุดดินที่เป็นแขนกล มีโครงสร้างแข็งแรง ทั้งยังทนต่อแรงกระแทก และมีระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้สามารถนำไปใช้ในพื้นที่ที่มีความยากลำบากในการก่อสร้างได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการพลิกคว่ำ รวมไปถึงการใช้งานที่ยาวนานเนื่องจากทนทานต่อสภาพแวดล้อมและการกัดกร่อนของดินนั่นเอง

  • สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

รถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร มีความสามารถในการใช้งานที่ยืดหยุ่น จึงทำให้นำไปใช้กับลักษณะงานที่หลากหลายตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว เช่น การขุดดิน ปรับพื้นที่ ขุดลอกคลอง  ขุดเหมืองแร่ และอื่น ๆ อีกมากมาย

  • มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย

ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ เพราะรถแบ็กโฮสามารถทำงานแทนคนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ช่วยป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ทั้งโครงป้องกันการพลิกคว่ำ (Roll-Over Protection System: ROPS) และโครงสร้างป้องกันวัตถุตกหล่น (Falling Object Protective Structure: FOPS) ทำให้มั่นใจได้เสมอว่าจะใช้งานได้อย่างปลอดภัย

หากต้องการรถแบ็กโฮหรือรถแม็คโคร จบครบเรื่องเช่า-ซื้อรถขุดดิน รถตักมือสอง ราคาประหยัด ต้องที่ SIAM SUN มีบริการเช่ารถแม็คโครที่ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภท มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปี หรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย

รถแบ็กโฮมีกี่ขนาด และควรเลือกแบบไหนถึงตอบโจทย์กับงาน

รถแบ็กโฮมีกี่ขนาด เลือกแบบไหนถึงตอบโจทย์
รถแบ็กโฮมีกี่ขนาด เลือกแบบไหนถึงตอบโจทย์

สำหรับโครงการก่อสร้างใด ๆ การเลือกรถแบ็กโฮหรือรถขุดตักที่เหมาะสม นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จและประสิทธิภาพของโครงการก่อสร้างได้ โดยมีให้เลือกตั้งแต่รุ่นขนาดเล็กสำหรับพื้นที่จำกัด ไปจนถึงเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นสำหรับงานหนัก ซึ่งการเลือกขนาดรถแบ็กโฮที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยได้ ในบทความนี้จะพาไปรู้ว่ารถแบ็กโฮมีกี่ขนาด และการเลือกแบบไหนถึงตอบโจทย์กับงาน

รู้จักรถแบ็กโฮ รถขุดตักสำหรับโครงการก่อสร้าง

รถแบ็กโฮ (Backhoe Loader) หรือที่หลายคนอาจเรียกว่า รถขุดตัก หรือรถแม็คโคร ซึ่งทั้ง 3 ชื่อ เป็นชื่อเรียกของเครื่องจักรงานก่อสร้างที่มีแขนกลติดตั้งอยู่ด้านหลัง ใช้สำหรับขุดและตักดินหรือสิ่งของเพื่อเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง มีการทำงานด้วยการหมุนส่วนบนของตัวรถ ซึ่งเป็นห้องควบคุมการทำงานของอุปกรณ์แขนกลให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ โดยที่ส่วนล่างของตัวรถและล้อซึ่งสัมผัสกับพื้นไม่ต้องเคลื่อนย้ายการทำงานไปไหน ซึ่งช่วยให้งานขุดและงานเคลื่อนย้ายดินสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย

นอกจากนี้ รถแบ็กโฮยังเป็นเครื่องจักรที่ทรงพลัง สามารถทำงานได้ดีในอีกหลากหลายประเภท เช่น การขุดคลอง ขุดลอกท่อระบายน้ำ การขนย้ายวัสดุ งานซ่อมแซมที่เกี่ยวกับงานดิน งานก่อสร้าง หรืองานอื่น ๆ ที่แรงงานคนไม่สามารถทำได้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญมากในการก่อสร้างและงานวิศวกรรมโยธาต่าง ๆ

รถแบ็กโฮมีกี่ขนาด?

สำหรับช่างก่อสร้างโครงการที่มีความสนใจในประสิทธิภาพการทำงานของรถแบ็กโฮ คงมีข้อสงสัยว่ารถแบ็กโฮมีกี่ขนาด ควรเลือกใช้ขนาดไหนที่จะเหมาะสมกับรูปแบบงานมากที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้พิจารณานำไปประยุกต์ใช้กับงานประเภทใด ดังต่อไปนี้

รถแบ็กโฮขนาดเล็ก (Mini Excavator)

รถแบ็กโฮขนาดเล็ก เป็นรถขุดที่มีน้ำหนักประมาณ 1.5-6 ตัน เหมาะสำหรับงานขุดขนาดเล็ก เช่น งานขุดท่อประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ งานสวน งานซ่อมแซมทั่วไป หรืองานในพื้นที่แคบ เล็ก และงานในที่ร่ม ซึ่งต้องการความคล่องตัวในการขนย้าย หรือมีการย้ายหน้างานอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

รถแบ็กโฮขนาดกลาง (Medium Excavator)

รถแบ็กโฮขนาดกลาง เป็นรถขุดที่มีน้ำหนักประมาณ 6-10 ตัน เหมาะสำหรับงานขุดขนาดกลาง เช่น งานขุดดิน เทคอนกรีต งานถมดิน งานก่อสร้างทำตึก หรืองานก่อสร้างทั่วไปที่ต้องการกำลังแรงรถสำหรับขุดหรือตักที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ได้ เพราะขนาดรถที่ไม่ใหญ่จนเกินไป

รถแบ็กโฮขนาดใหญ่ (Large Excavator)

รถแบ็กโฮขนาดใหญ่ หรือรถขุดตีนตะขาบ เป็นรถขุดที่มีน้ำหนักประมาณ 10-45 ตัน เป็นรุ่นยอดนิยมที่เหมาะสำหรับงานขุดขนาดใหญ่ เช่น งานขุดบ่อน้ำ สระว่ายน้ำ งานขุดถนน ทางรถไฟ งานก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่ต้องการใช้แรงขุดกำลังมาก ซึ่งในบางรุ่นจะมีระบบไฮดรอลิก ที่ให้พลังงานในการขุดมากขึ้น และสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์พ่วงต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการในการใช้งานด้านอื่น ๆ อีกด้วย

รถแบ็กโฮ รถตักมือสองราคาถูก

การเลือกรถแบ็กโฮให้ตอบโจทย์การใช้งาน

  • ต้องรู้จักขนาดของไซต์งานและพื้นที่ทำงาน : ขนาดรถและพื้นที่ทำงานจะเป็นตัวกำหนดขนาดและความสามารถในการทำงานของรถแบ็กโฮที่เหมาะสม 
  • การสำรวจความลึกและระยะการขุดที่จำเป็นสำหรับโครงการ : รถแบ็กโฮแต่ละรุ่นจะมีความสามารถในระยะการขุดที่แตกต่างกัน โดยควรเลือกให้ตรงกับความลึกของงานที่จะต้องขุด
  • ความเหมาะสมสำหรับงานขนถ่ายวัสดุ : ขนาดของรถแบ็กโฮสัมพันธ์กับความสามารถในการยกของเพื่อขนย้าย ยิ่งรถมีขนาดใหญ่หรือมีระบบไฮดรอลิกจะสามารถยกของหนักได้มากขึ้น
  • ดูจากงบประมาณ : รถแบ็กโฮยิ่งมีขนาดใหญ่ จะมีราคาสูงขึ้น แต่ขนาดเล็กก็จะมีแรงกำลังที่น้อยลง ดังนั้น หากไม่ได้ใช้งานบ่อย อาจพิจารณาถึงการเช่ารถแบ็กโฮ รถตักมือสองราคาถูกที่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า 

หลังจากที่รู้ไปแล้วว่ารถแบ็กโฮมีกี่ขนาด รูปแบบไหนถึงนำมาใช้งานได้ตอบโจทย์มากที่สุด เข้ามาเลือกดูได้ที่ SIAM SUN เราเป็นผู้นำเข้าเครื่องจักรกลจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ให้บริการขายรถขุด รถยก รวมถึงรถแบ็กโฮ รถตักมือสองราคาถูก ตอบโจทย์ทุกขนาดธุรกิจอุตสาหกรรม เพราะมีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาด พร้อมบริการซ่อมบำรุงภายใน 24 ชั่วโมง รับประกันการใช้งาน 1 ปีหรือ 2,000 ชั่วโมง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีศูนย์อะไหล่ของตัวเองแบบครบวงจร และศูนย์บริการ 4 แห่งทั่วประเทศไทย